สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน บางครั้งการพิมพ์ข้อความให้ทุกท่านได้อ่าน ก็เป็นการบอกตัวตนของเราได้ดี แต่ในบางครั้งการดูเป็นภาพวีดีโอเคลื่อนไหว ก็ได้รับอรรถรสมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จำกัดนี้ ส่วนตัวผม ก็ถือว่าได้ใกล้อาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน ระดับหนึ่ง แต่ผมก็ยังคอยเสริมความรู้ด้วยการตามอ่านประวัติของท่านเท่าที่จะหาอ่านได้ในอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งนี้ ที่มีรายการทีวี นิตยสาร มาสัมภาษณ์อาจารย์ไพบูลย์มากมาย ทำให้ผมได้ทราบประวัติของท่านมากขึ้น และด้วยความที่ผมเองก็ผ่านความเป็นตายมาแล้ว ทำให้คิดเองว่าก็รู้จักท่านในอีกด้านหนึ่ง ตามทรรศนะส่วนตัว อย่างไรก็ตามในรายการ "ตอบโจทย์" ที่นี่ไทยพีบีเอส หากลองพิจารณาดูจะพบกับทั้งสองด้านของอาจารย์ไพบูลย์ พร้อมๆ กันครับ
เมื่อทุกท่านได้ดู "ตอบโจทย์" จนจบแล้ว ผมเชื่อว่าบางท่านอาจบอกว่า ท่านอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน พูดเหมือนเดิมในทุกประเด็น บางท่านอาจเข้าใจอาจารย์ไพบูลย์ มากขึ้น ส่วนตัวผมขอเสริมบางเรื่อง เพื่อให้ผู้อ่านมีทรรศนะต่อท่านในเชิงลึก ผมขอใช้วิธีการยกตัวอย่าง แทนนะครับ
"ผมไม่ชอบการเป็นนักการเมือง แต่จำเป็นต้องทำให้ดูว่าต้องทำอย่างไร" หรือ "ผมพบแล้วว่า การทำงานในส่วนของกฎหมายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้" 2 ตัวอย่างประโยคนี้ ผมอาจจะจำคำพูดของท่านไม่ตรงเสียทีเดียว แต่การสื่อความหมายน่าจะใกล้เคียงกัน ผมเคยได้ยินและผมตั้งคำถามในใจ ทดไว้ในใจ แล้วผมก็ได้คำตอบ = อาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่ต้องการทำงานพรรคการเมือง แต่ต้องการทำให้นักการเมืองดูเป็นตัวอย่าง
เฉพาะประเด็นนี้ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็อาจจะงงๆ แต่ผมเข้าใจนะ เพราะอาจารย์ท่านก็คงเห็นแล้วว่า จะหาคนที่ตรงไปตรงมากับประเทศไทยค่อนข้างยาก อาจารย์ท่านจึงจะทดลองทำเองตามอุดมคติที่คิดขึ้นมา และจากที่ผมสัมผัสในระยะเวลาสั้นๆ ส่วนใหญ่ ทั้งผู้สมัคร ทั้งกรรมการ ก็คือคนทำงานในพื้นที่ และส่วนใหญ่ก็ทำงานในลักษณะจิตอาสา ผมเชื่อนะครับว่า สิ่งที่อาจารย์คิดไว้มีความเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นประเทศไทยคงไม่รอดพ้นจากมหาอุทกภัยน้ำท่วมปี 2554 หรอก นักการเมืองมีแต่จ้องจะหาประโยชน์จากภัยน้ำท่วม หลังน้ำท่วมก็คิดทำโครงการโกงกิน ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำคนพิการก็โกงโครงการลูกชิ่งน้ำท่วมใหญ่ 2554 ด้วย ในขณะที่มีจิตอาสาทั้งแรง ทั้งเงินบริจาค ช่วยผู้เดือดร้อน ทุกข์ร้อน จนผ่านวิกฤติการณ์ครั้งนั้นมาได้ งานนี้ข้าราชการกับนักการเมืองไม่เกี่ยว หลบไปเลย มีแต่ในหลวง พระบรมวงศานุวงศ์ ทหาร และจิตอาสา ที่เป็นหลักเท่านั้น
อีกตัวอย่างหนึ่งที่ผมอยากบอกเล่าให้ได้เห็นเชิงลึกของอาจารย์ไพบูลย์ คือ เรื่องของการจัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหา ให้เห็นชัดเจนเลยว่า เปรียบเทียบกับ ในสนามรบ ถ้าเจ็บแบบยังไม่ตาย เอาไว้ทีหลัง แต่ถ้าอันตรายถึงชีวิตแต่รักษาได้ให้รีบรักษา แต่ถ้้ายังไงก็ตายไม่ต้องรักษาให้แยกไว้เลยเพื่อเก็บยาไว้รักษาคนอื่นแทน ดังนั้น คนที่จะทำงานกับอาจารย์ไพบูลย์ได้นั้น (สำหรับผม ผมคิดเองเรียบเรียงเองนะครับ) 1. ต้องดูแลตัวเองได้พอสมควรโดยเฉพาะจิตใจ ต้องเข้มแข็ง 2. ต้องมองส่วนรวมเป็นหลักสำคัญ และ 3. ต้องปล่อยวางไม่ทุกข์ มีสติ คิดตามอาจารย์ให้ทันตลอด คือ ต้องรู้ว่า ตอนไหนอาจารย์ถาม หรือตอนไหนอาจารย์ทดสอบ ถ้าถามคือตอบตามจริง ถ้าทดสอบคือต้องคิดว่าจะทำอย่างไร และ 4. ต้อองเป็นคนที่จิตใจกว้าง เอาเป็นว่า ย่อหน้านี้ผมเอาเรื่องตัวเองมาแบ่งปัน ละกันครับ
ในท้ายที่สุด ผมเชื่อว่า แนวคิดอุดมการณ์ของอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน ที่สะท้อนมาเป็นอุดมการณ์ของพรรคประชาชนปฏิรูป นั้น หากมองอีกด้านอาจไม่ได้เป็นพรรคที่มีจำนวน ส.ส. มากมาย แต่จะเป็นพรรคที่มีบุคคลากรที่มีคุณภาพ โดยเริ่มต้นจากตัวอาจารย์เอง ค่อยๆ ขยายตัวออกไป เวลาจะค่อยๆ คัดกรองคนที่ใช่ ส่วนตัวผมนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาชนปฏิรูป พึ่งจะเริ่มต้น เท่านั้นเองครับ
สำหรับบทความ "เลือกตั้งฟังทางนี้" ผมอยากนำเสนอเทคนิค ที่ท่านอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน แนะนำพวกเราเป็นประจำคือ ให้อ่านชื่อพรรคที่ชอบแล้วกากากบาทที่ท้ายชื่อพรรค ได้เลย ไม่ต้องไปจำว่าเลขเบอร์อะไร เพราะมันเยอะไปหมด ลูกๆ หลานๆ ยังไงก็ซ้อมๆ ให้กับคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ด้วยนะครับ
ด้วยความนับถือ
ขอบคุณครับ
เมื่อทุกท่านได้ดู "ตอบโจทย์" จนจบแล้ว ผมเชื่อว่าบางท่านอาจบอกว่า ท่านอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน พูดเหมือนเดิมในทุกประเด็น บางท่านอาจเข้าใจอาจารย์ไพบูลย์ มากขึ้น ส่วนตัวผมขอเสริมบางเรื่อง เพื่อให้ผู้อ่านมีทรรศนะต่อท่านในเชิงลึก ผมขอใช้วิธีการยกตัวอย่าง แทนนะครับ
"ผมไม่ชอบการเป็นนักการเมือง แต่จำเป็นต้องทำให้ดูว่าต้องทำอย่างไร" หรือ "ผมพบแล้วว่า การทำงานในส่วนของกฎหมายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้" 2 ตัวอย่างประโยคนี้ ผมอาจจะจำคำพูดของท่านไม่ตรงเสียทีเดียว แต่การสื่อความหมายน่าจะใกล้เคียงกัน ผมเคยได้ยินและผมตั้งคำถามในใจ ทดไว้ในใจ แล้วผมก็ได้คำตอบ = อาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่ต้องการทำงานพรรคการเมือง แต่ต้องการทำให้นักการเมืองดูเป็นตัวอย่าง
เฉพาะประเด็นนี้ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็อาจจะงงๆ แต่ผมเข้าใจนะ เพราะอาจารย์ท่านก็คงเห็นแล้วว่า จะหาคนที่ตรงไปตรงมากับประเทศไทยค่อนข้างยาก อาจารย์ท่านจึงจะทดลองทำเองตามอุดมคติที่คิดขึ้นมา และจากที่ผมสัมผัสในระยะเวลาสั้นๆ ส่วนใหญ่ ทั้งผู้สมัคร ทั้งกรรมการ ก็คือคนทำงานในพื้นที่ และส่วนใหญ่ก็ทำงานในลักษณะจิตอาสา ผมเชื่อนะครับว่า สิ่งที่อาจารย์คิดไว้มีความเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นประเทศไทยคงไม่รอดพ้นจากมหาอุทกภัยน้ำท่วมปี 2554 หรอก นักการเมืองมีแต่จ้องจะหาประโยชน์จากภัยน้ำท่วม หลังน้ำท่วมก็คิดทำโครงการโกงกิน ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำคนพิการก็โกงโครงการลูกชิ่งน้ำท่วมใหญ่ 2554 ด้วย ในขณะที่มีจิตอาสาทั้งแรง ทั้งเงินบริจาค ช่วยผู้เดือดร้อน ทุกข์ร้อน จนผ่านวิกฤติการณ์ครั้งนั้นมาได้ งานนี้ข้าราชการกับนักการเมืองไม่เกี่ยว หลบไปเลย มีแต่ในหลวง พระบรมวงศานุวงศ์ ทหาร และจิตอาสา ที่เป็นหลักเท่านั้น
อีกตัวอย่างหนึ่งที่ผมอยากบอกเล่าให้ได้เห็นเชิงลึกของอาจารย์ไพบูลย์ คือ เรื่องของการจัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหา ให้เห็นชัดเจนเลยว่า เปรียบเทียบกับ ในสนามรบ ถ้าเจ็บแบบยังไม่ตาย เอาไว้ทีหลัง แต่ถ้าอันตรายถึงชีวิตแต่รักษาได้ให้รีบรักษา แต่ถ้้ายังไงก็ตายไม่ต้องรักษาให้แยกไว้เลยเพื่อเก็บยาไว้รักษาคนอื่นแทน ดังนั้น คนที่จะทำงานกับอาจารย์ไพบูลย์ได้นั้น (สำหรับผม ผมคิดเองเรียบเรียงเองนะครับ) 1. ต้องดูแลตัวเองได้พอสมควรโดยเฉพาะจิตใจ ต้องเข้มแข็ง 2. ต้องมองส่วนรวมเป็นหลักสำคัญ และ 3. ต้องปล่อยวางไม่ทุกข์ มีสติ คิดตามอาจารย์ให้ทันตลอด คือ ต้องรู้ว่า ตอนไหนอาจารย์ถาม หรือตอนไหนอาจารย์ทดสอบ ถ้าถามคือตอบตามจริง ถ้าทดสอบคือต้องคิดว่าจะทำอย่างไร และ 4. ต้อองเป็นคนที่จิตใจกว้าง เอาเป็นว่า ย่อหน้านี้ผมเอาเรื่องตัวเองมาแบ่งปัน ละกันครับ
ในท้ายที่สุด ผมเชื่อว่า แนวคิดอุดมการณ์ของอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน ที่สะท้อนมาเป็นอุดมการณ์ของพรรคประชาชนปฏิรูป นั้น หากมองอีกด้านอาจไม่ได้เป็นพรรคที่มีจำนวน ส.ส. มากมาย แต่จะเป็นพรรคที่มีบุคคลากรที่มีคุณภาพ โดยเริ่มต้นจากตัวอาจารย์เอง ค่อยๆ ขยายตัวออกไป เวลาจะค่อยๆ คัดกรองคนที่ใช่ ส่วนตัวผมนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาชนปฏิรูป พึ่งจะเริ่มต้น เท่านั้นเองครับ
สำหรับบทความ "เลือกตั้งฟังทางนี้" ผมอยากนำเสนอเทคนิค ที่ท่านอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน แนะนำพวกเราเป็นประจำคือ ให้อ่านชื่อพรรคที่ชอบแล้วกากากบาทที่ท้ายชื่อพรรค ได้เลย ไม่ต้องไปจำว่าเลขเบอร์อะไร เพราะมันเยอะไปหมด ลูกๆ หลานๆ ยังไงก็ซ้อมๆ ให้กับคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ด้วยนะครับ
ด้วยความนับถือ
ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น