สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน บทควาตอนนี้ หากท่านได้อ่านจนจบ จะทราบความเป็นมาเกี่ยวกับบทบาททางการเมืองของผมในอดีต สำหรับอีกหลายๆ คน อาจจะหายสงสัย หรือถึงบางอ้อ ได้บ้าง ย้อนหลังไปเมื่อปี 2557 ช่วงต้นปี ผมกับผู้ใหญ่หลายท่านเห็นพ้องต้องกันว่าจะจดจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อทำงานด้านการเมืองที่จะสร้างความแตกต่าง และใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วม ในชื่อ "พรรคพลังพลเมือง" จนในที่สุด เราได้รับประกาศเป็นพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 15 พ.ค.57 ต่อมาอีก 7 วัน มีการเข้าควบคุมสถานการณ์ประเทศโดย คสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 จึงมีประกาศให้พรรคการเมืองทุกพรรคหยุดดำเนินการกิจกรรมทางการเมือง จนถึงปัจจุบันกว่า 5 ปี
ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี นั้น อุดมการณ์ที่จะทำงานเพื่อสังคม อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ แทนที่จะได้ทำงานด้านการเมือง ผมจึงได้ปรับวิธีการทำงานมาใช้เป็นเครือข่าย หรือประชาสังคม แทน สิ่งสำคัญอีกประการคือ ผมได้ใช้ความเป็นประชาชนไทย อย่างเต็มที่ พบว่า มีพลังของการต่อสู้มาก สู้ไปเรื่อยๆ จนพบว่า ไม่มีความจำเป็นที่ขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงสังคมผ่านระบบพรรคการเมือง หรือมีที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนตัวจึงรอโอกาสที่จะ "เลิกพรรคพลังพลเมือง" เมื่อมีการประกาศให้พรรคการเมืองเริ่มดำเนินการได้ เมื่อเวลามาถึง คสช.ประกาศ ผมรีบติดต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต. เพื่อขอเลิกพรรค จนในที่สุด ผมก็ได้รับหนังสือการประกาศเป็นทางการ "เลิกพรรคพลังพลเมือง" จาก กกต. สมใจ
แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ผมเองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันที่ ตัวเองที่ได้ขับเคลื่อนพิทักษณ์สิทธิ์ผ่าน "เครือข่ายพิทักษ์สิทะิ์คนพิการ" และไม่เคยรู้จักกับอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน (หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป) เป็นการส่วนตัว กลับต้องนำพาคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ผู้เสียหาย ซึ่งมีความทุกข์ร้อน จากการถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม มาขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน โดยตรง จนกระทั่งมีสถานการณ์สำคัญ ทำให้ในท้ายที่สุดแล้ว ผมได้ลงสมัครเป็น ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 12 (บางเขน) เบอร์ 16 พรรคประชาชนปฏิรูป
โดยปกติแล้วชีวิตของผมก็จะตื่นเต้นเป็นระยะๆ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เหตุปัจจัยรอบตัวเรา สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทำให้ต้องลงสมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร มีเรื่องน่าสนใจอีกหลายเรื่อง รวมถึงมีนโยบายของพรรคประชาชนปฏิรูปดีๆ ที่จะแบ่งปัน รวมถึงไอเดียการพัฒนาศักยภาพทุกด้านของคนพิการและผู้สูงอายุ ที่สามารถปฏิบัติได้จริง ไม่เป็นเพียงการโฆษณาว่าจะทำ หรือถ้าได้เป็นรัฐบาล แล้วจะทำ มาแบ่งปัน ในตอนต่อๆ ไป ครับ
ด้วยความนับถือ
ขอบคุณครับ
ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี นั้น อุดมการณ์ที่จะทำงานเพื่อสังคม อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ แทนที่จะได้ทำงานด้านการเมือง ผมจึงได้ปรับวิธีการทำงานมาใช้เป็นเครือข่าย หรือประชาสังคม แทน สิ่งสำคัญอีกประการคือ ผมได้ใช้ความเป็นประชาชนไทย อย่างเต็มที่ พบว่า มีพลังของการต่อสู้มาก สู้ไปเรื่อยๆ จนพบว่า ไม่มีความจำเป็นที่ขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงสังคมผ่านระบบพรรคการเมือง หรือมีที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนตัวจึงรอโอกาสที่จะ "เลิกพรรคพลังพลเมือง" เมื่อมีการประกาศให้พรรคการเมืองเริ่มดำเนินการได้ เมื่อเวลามาถึง คสช.ประกาศ ผมรีบติดต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต. เพื่อขอเลิกพรรค จนในที่สุด ผมก็ได้รับหนังสือการประกาศเป็นทางการ "เลิกพรรคพลังพลเมือง" จาก กกต. สมใจ
แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ผมเองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันที่ ตัวเองที่ได้ขับเคลื่อนพิทักษณ์สิทธิ์ผ่าน "เครือข่ายพิทักษ์สิทะิ์คนพิการ" และไม่เคยรู้จักกับอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน (หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป) เป็นการส่วนตัว กลับต้องนำพาคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ผู้เสียหาย ซึ่งมีความทุกข์ร้อน จากการถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม มาขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน โดยตรง จนกระทั่งมีสถานการณ์สำคัญ ทำให้ในท้ายที่สุดแล้ว ผมได้ลงสมัครเป็น ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 12 (บางเขน) เบอร์ 16 พรรคประชาชนปฏิรูป
ประกาศรับรองการมีสิทธิ์ ลงเป็นผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 12 (บางเขน) เบอร์ 16 พรรคประชาชนปฏิรูป |
กราฟฟิคประกาศรายชื่อ เขต เบอร์ กรุงเทพมหานคร ของพรรคประชาชนปฏิรูป |
โดยปกติแล้วชีวิตของผมก็จะตื่นเต้นเป็นระยะๆ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เหตุปัจจัยรอบตัวเรา สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทำให้ต้องลงสมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร มีเรื่องน่าสนใจอีกหลายเรื่อง รวมถึงมีนโยบายของพรรคประชาชนปฏิรูปดีๆ ที่จะแบ่งปัน รวมถึงไอเดียการพัฒนาศักยภาพทุกด้านของคนพิการและผู้สูงอายุ ที่สามารถปฏิบัติได้จริง ไม่เป็นเพียงการโฆษณาว่าจะทำ หรือถ้าได้เป็นรัฐบาล แล้วจะทำ มาแบ่งปัน ในตอนต่อๆ ไป ครับ
ด้วยความนับถือ
ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น