สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ในตอนที่ 2 นี้ ผมยังคงอยู่กับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพรรคประชาชนปฏิรูป ผมนำภาพบรรยากาศในวันที่ 6 พ.ย.62 ที่ผมนำพาทุกคน (คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ) ที่ทุกข์ร้อน จากการถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกละเมิดสิทธิ์ ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เข้าร่วมประชุมพูดคุยกับท่านอาจารย์ไพบูลย์ นิติตะวัน ในวันเดียวกันพวกเราทุกคน ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชนปฏิรูป เพื่อขอรับความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย เป็นนโยบายของพรรคประชาชนปฏิรูป ที่จะให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิกพรรค
ในวันนั้นการประชุมพูดคุยใช้เวลาพอสมควร จนลุล่วง ทุกคนแยกย้ายกันกลับ ผมยังอยู่ต่อเพราะมีเรื่องปรึกษาเกี่ยวกับการเตรียมเอกสารสำหรับการช่วยเหลือกลุ่มผู้ทุกข์ร้อน หลังจากนั้นผมมีโอกาสอยู่คุยต่อกับ พล.อ.จิรศักดิ์ บุตรเนียร (รองเลขาธิการพรรค) จนถึงเรื่องที่ผมอยากบอกเล่าให้กับผู้อ่านได้รับรู้ และเข้าใจตามที่ผมสัมผัสได้ ถึงบทสนทนาสำคัญ ที่ผมปฏิเสธการเข้าร่วมงานกับทางพรรคแบบเป็นทางการ ผมจึงมีโอกาสถามกับ พล.อ.จิรศักดิ์ บุตรเนียร ว่า "ทำไมพี่ถึงได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคครับ" คำถามนี้ ทำให้การสนทนามีอรรถรสมากขึ้น และส่วนตัวผมประทับใจกับคำตอบที่ว่า "ผมก็เหมือนคุณปรีดา เราเหมือนกัน ผมก็ไม่ได้อยากเป็นนักการเมือง แต่เราจะทำงานการเมืองให้นักการเมืองดูว่าควรทำอย่างไร" (ผมอาจจะจำไม่ได้ทุกถ้อยคำ แต่ความหมายใกล้เคียงกัน)
บางครั้งรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงนั้น มันนิดเดียว เหมือนขนนก เบาบางแต่เปี่ยมไไปด้วย ความเต็มใจ ที่มากเกินพอที่จะทำให้ตัดสินใจร่วมอุดมการณ์กับพรรคการเมืองที่ มีทิศทางชัดเจนในการแก้ไขความทุกข์ร้อนของกลุ่มคนพิการและผู้สูงอายุ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้กับผู้ทุกข์ร้อน ไม่ว่าพรรคประชาชนปฏิรูป จะได้ ส.ส. กี่ที่นั่งก็ตาม หรือแม้แต่ตัวผมเอง ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ตาม งานพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ก็จะยังคงเดินหน้า ชีวิตยังคงต้องดำเนินการต่อ การได้เป็น ส.ส. สำหรับผมแล้ว จะเป็นเพียงการเพิ่มกำลังให้มีมากขึ้น สำคัญที่สุด การมีองค์กรระดับชาติ "พรรคประชาชนปฏิรูป" หนุนหลังนั้น สำหรับผมคือ ที่สุดของการทำงานเพื่อส่วนรวมแล้วครับ
ด้วยความนับถือ
ขอบคุณครับ
ในวันนั้นการประชุมพูดคุยใช้เวลาพอสมควร จนลุล่วง ทุกคนแยกย้ายกันกลับ ผมยังอยู่ต่อเพราะมีเรื่องปรึกษาเกี่ยวกับการเตรียมเอกสารสำหรับการช่วยเหลือกลุ่มผู้ทุกข์ร้อน หลังจากนั้นผมมีโอกาสอยู่คุยต่อกับ พล.อ.จิรศักดิ์ บุตรเนียร (รองเลขาธิการพรรค) จนถึงเรื่องที่ผมอยากบอกเล่าให้กับผู้อ่านได้รับรู้ และเข้าใจตามที่ผมสัมผัสได้ ถึงบทสนทนาสำคัญ ที่ผมปฏิเสธการเข้าร่วมงานกับทางพรรคแบบเป็นทางการ ผมจึงมีโอกาสถามกับ พล.อ.จิรศักดิ์ บุตรเนียร ว่า "ทำไมพี่ถึงได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคครับ" คำถามนี้ ทำให้การสนทนามีอรรถรสมากขึ้น และส่วนตัวผมประทับใจกับคำตอบที่ว่า "ผมก็เหมือนคุณปรีดา เราเหมือนกัน ผมก็ไม่ได้อยากเป็นนักการเมือง แต่เราจะทำงานการเมืองให้นักการเมืองดูว่าควรทำอย่างไร" (ผมอาจจะจำไม่ได้ทุกถ้อยคำ แต่ความหมายใกล้เคียงกัน)
ภาพถ่ายหมู่ที่พรรคประชาชนปฏิรูปเมื่อ 6 พ.ย.61 |
บางครั้งรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงนั้น มันนิดเดียว เหมือนขนนก เบาบางแต่เปี่ยมไไปด้วย ความเต็มใจ ที่มากเกินพอที่จะทำให้ตัดสินใจร่วมอุดมการณ์กับพรรคการเมืองที่ มีทิศทางชัดเจนในการแก้ไขความทุกข์ร้อนของกลุ่มคนพิการและผู้สูงอายุ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้กับผู้ทุกข์ร้อน ไม่ว่าพรรคประชาชนปฏิรูป จะได้ ส.ส. กี่ที่นั่งก็ตาม หรือแม้แต่ตัวผมเอง ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ตาม งานพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ก็จะยังคงเดินหน้า ชีวิตยังคงต้องดำเนินการต่อ การได้เป็น ส.ส. สำหรับผมแล้ว จะเป็นเพียงการเพิ่มกำลังให้มีมากขึ้น สำคัญที่สุด การมีองค์กรระดับชาติ "พรรคประชาชนปฏิรูป" หนุนหลังนั้น สำหรับผมคือ ที่สุดของการทำงานเพื่อส่วนรวมแล้วครับ
ด้วยความนับถือ
ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น