30 พฤศจิกายน 2553 @ ประชุมความคืบหน้าการทำงานของเครือข่ายอาสาฯ ที่โรงแรมดุสิตธานี ตอนที่ 2/2

เขียนที่บ้าน 4 ธันวาคม 2553

ตอนที่ 2 ของบทความ ที่ออกในทำนอง บ่นๆ ให้ผู้อ่านได้อ่านกัน เป็นเพราะว่า ผมได้มีโอกาสเฝ้าสังเกตุการณ์ การประชุมเกือบทุกครั้ง เท่าที่จะสามารถไปได้ ส่วนตัวแล้วยอมรับเลยนะครับว่า การที่ผมจะออกไปข้างนอกเพื่อร่วมประชุมหลายๆ ชั่วโมงนั้น ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย และก็ไม่ธรรมดาด้วยนะครับ สำหรับร่างกายที่เหลือสภาพอยู่ไม่มาก มันมีผลกระทบพอสมควร (ถ้าบรรยายแล้วเดี๋ยวจะสงสาร ไม่กล่าวถึงละกันนะครับ)

บางทีอาจมีหลายท่านสงสัยว่า "อ้าว.....แล้วจะมาทำไมเนี่ย" "ลำบากก็อย่ามาเลย" "มาแล้วไม่เห็นพูดอะไรเลย" "อยากมีส่วนร่วมมั้ง ไม่รู้จะไปทำไม" (ผมจินตนาการแทนให้นะครับ ไม่มีอะไร)

ตามอุปนิสัยผมนะครับ ถ้าผมเดินตามใครสักคนที่ผมไม่รู้จัก แล้วเขาต้องการความช่วยเหลือ แบบที่เราพิจารณาแล้วว่า เราควรช่วย ซึ่งเขาคนนั้นอาจไม่ได้ร้องขอ ผมจะช่วยทันที ช่วยเสร็จแล้ว แม้ไม่ต้องพูดจากัน หรือไม่เห็น ผมก็ยินดี

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้นั้น ในมุมมองผมเห็นว่า การร่วมประชุมสำคัญมาก ถ้าไปได้ ผมจะพยายามไป ผมรู้สึกในฐานะที่เป็นผู้ฟัง ผมกำลังเรียนรู้จากประสบการณ์ของแต่ละท่าน ในเวลาไม่นาน คุ้มค่ากับชีวิตมาก นั้นหมายถึง การยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ในแบบที่ผมเข้าใจ (ส่วนอาหารอร่อย นี่ของแถมนะครับ.....เอื๊อก....อร่อยมากครับ อาหารของโรงแรมดุสิต .....ถือโอกาสขอบคุณไปด้วยนะครับ)

วาระซ้อนเร้นของผมคือ ผมพอจะช่วยอะไร ให้กับอาสาสมัคร แต่ละกลุ่ม แต่ละท่านบ้าง คือ ช่วยแบบเคารพในสิทธิ และความถูกต้อง ชอบธรรม ให้กับอาสา นะครับ เช่น เราต่อยอดไอเดีย หรือเสนอแนะวิธีการทำงาน ของอาสา ได้ไหม (คือผมชอบคิด...คิด...คิด แต่ไม่ถึงกับเป็น "นักคิด" นะครับ เพียงแต่ "ชอบคิด" ครับ) หรืออาจจะคอยช่วยเหลือในความสามารถที่ผมช่วยได้

และแล้วผมก็ได้มีโอกาสช่วยอาสาจริงๆ แล้วครับ "การประสานความเข้าใจให้กับอาสา" นั่นเอง เอาเรื่องนี้ละกัน ผมจึงอยากเขียนบทความ 2 ตอน ชุดนี้ขึ้นมา และในทางปฏิบัติ ผมจะไม่พูดให้ใครเข้าใจผิดกัน ถ้าต้องถึงกับโกหกบ้าง เพื่อให้เข้าใจกัน รู้สึกดีต่อกัน ผมก็ยังยินดี หรือถ้าจะให้ออกมาดูดี จะว่า "พูดบวก" ก็น่าจะพอไหว

ส่วนตัว ผมอยากให้อาสาสมัครทุกท่าน พูด-คุย ดีต่อกัน ถึงแม้ว่าอาจจะฝืนความรู้สึกของเราบ้างก็ตาม เพราะถ้าพูดไม่ดีต่อกันแล้ว ถ้ามองหน้ากันไม่ติด แล้วยังต้องร่วมงานกันอยู่ "อคติ" จะอยู่เหนือ "เหตุผล" หรือ "สิ่งที่ควรทำ" (ซึ่งบางครั้งสิ่งที่ควรทำ อาจมากกว่าเหตุผล) ที่ต้องบอกแบบนี้ ก็เพราะว่า ในความเป็นจริงของคนเรานั้น ไม่มีอะไร หรือการกระทำใด ที่ใครทำขึ้นมาจะถูกใจเราซะทุกเรื่อง ต้องมีโอกาสขัดใจเราบ้าง ซึ่งจะนำไปสู่ "ความขัดแย้ง" เล็กๆ ขึ้นได้เสมอ แล้วถ้าเก็บไว้ อาจไม่โสภานัก

ผมอยากให้อาสาท่านใด หรือกลุ่มใดก็ตาม ถ้าสงสัย ก็ควรพูดคุยกันถ้าจะต้องมีคำถาม เวลาเจอคนที่เราอยากถาม อย่าให้เป็นเหมือนผมนะครับ ที่ในวงการคนพิการ ไม่ค่อยมีใครกล้าถามผมเท่าไหร่ จนผมต้องสร้างพื้นที่ให้ตัวเอง ในการ "แก้ปัญหาความขัดแย้ง" ซึ่งผลตอบรับดีมาก ดูทุกคนจะเข้าใจผมมากขึ้น



มาถึงตรงนี้ ผมอยากให้อาสาหลายท่่าน ได้อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง ถ้าเพื่อนอาสา คิดว่าจะเกี่ยวข้องกับตัวเองนะครับ ถ้าไม่เกี่ยว ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ เดี๋ยวจทเสียเวลา บทความต่างๆ ที่ผมคิดเอาเองว่า เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ซึ่งถ้าได้อ่าน อาจจะทำให้มีข้อพิจารณาเพิ่มขึ้นได้ครับ
ก่อนจะจบบทความนี้ ผมก็อยากให้อาสาน้ำใจงามแต่ละท่าน แต่ละกลุ่ม สามัคคีกันนะครับ ประเทศไทยเรานั้นยังต้องเจออุปสรรคอีกมากมาย การเมืองก็ไม่นิ่ง (สงสัยจะไม่นิ่งแล้วละมั้งครับ) ปัญหาการฟื้นฟูก็ยังอีกยาวไกล ไม่นับพิบัติภัยครั้งใหม่ ที่อาจจะมาถึงอีก อาสาท่านใด กลุ่มใด ดีอยู่แล้วก็พัฒนาขึ้น ที่ยังบริหารจัดการไม่ดี ก็รีบปรับปรุง ถ้ายังไม่ได้ทำ (แต่เอาของคนอื่นมาทำ) ก็ทำจริงๆ เป็นต้น สิ่งดีๆ เกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าเราคิดจะทำ

คิดดี --> (จึง) ทำดี --> ผลลัพธ์ (ก็จะ) ดี

คิดไม่ดี --> (จึง) ทำไม่ดี --> จะโดนซุบซิบ --> จะไม่มีใครคบ --> จะโดดเดี่ยว

ตอน 2 ก็จบแล้วนะครับ comment ผมได้นะครับ ถ้าจะแนะนำส่วนตัวมากๆ จะส่งอีเมล์ preeda.limnontakul@gmail.com มาโดยตรงหาผมก็ได้นะครับ

หรือส่งบทความ ที่จะช่วยลดความขัดแย้ง ต่อการทำงานอาสาร่วมกันได้นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Follow me on Twitter
Visit me on Facebook