110 : บทความชุด “ผมกำลังจะกลายเป็นผู้ประสบภัย” ตอนที่ 59 @ 28 พฤศจิกายน 2554 ชื่อตอน "ฉลองครบรบ 10 ปีที่ได้มีโอกาสมาเป็นคนพิการทุพพลภาพด้วยการทำงานเช่นเดิม"

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้เป็นวันที่ 28 พฤศจิกายน 2554 สำหรับผมแล้วเป็นวันธรรมดาๆ อีกวันหนึ่งที่เมื่อ 10 ปีก่อน (28 พ.ย. 2544) ตอนประมาณ 04.15 น. ผมประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ จากสาเหตุหลับใน จนกระดูกคอหัก และได้มีโอกาสกลายเป็นคนพิการทุพพลภาพ เช่นปัจจุบันนี้ครับ ไม่มีการระรึกถึง ไม่มีเรื่องน่าเศร้าเสียใจ หรือมีความพิเศษใดๆ ในทรรศนะของผม อาจจะเป็นความบังเอิญที่ลงตัวตรงที่ว่า พี่ไพบูลย์เข้ามาคุยงานกับผม แน่นอนว่าพี่ไพบูลย์ก็ต้องนั่งเรือเข้ามาเช่นกัน (อากู๋ออกไปรับ) แต่ไม่ต้องวิบากมากเพราะว่าน้ำลงไปเยอะแล้วเหลือเพียง 78 ซม. เท่านั้นเองครับ (ที่บอกว่าเท่านั้นเองก็เพราะว่า ระดับน้ำเคยสูงถึง 1.50 เมตรครับ)

ปกติเวลาใครมาเยี่ยมที่บ้าน ผมมักจะเขียนบทความถึงเสมอ ซึ่งพี่ไพบูลย์กับผมทำงานร่วมกันตลอด เจอกันบ่อย ที่บ้านผมก็มาบ่อย ผมจึงน่าจะไม่เคยเขียนถึงเวลาพี่ไพบูลย์มาเยี่ยม แต่เนื่องจากวันนี้ค่อนข้างพิเศษเล็กน้อย ผมถือโอกาสรวบเขียนในวาระเดียวกันไปเลยครับ เราคุยกันหลายงาน หลายโครงการ ที่ดีมากๆ ที่เราจะทำ และขับเคลื่อนกันในปีหน้า ก็เรียกได้ว่า ปี 2555 คงจะเป็นอีกปีที่น่าสนใจ ตื่นเต้นที่จะได้ทำงาน ที่จะพัฒนามากขึ้นจากปี 2554 ครับ




อากู๋ทั้งไปรับ และไปส่งครับ

สำหรับตอนนี้ เกรงว่าเพื่อนๆ ที่อ่านจะไม่ค่อยได้เนื้อหาสาระอะไร จึงขอเอ่ยถึงวลีที่ผมใช้บ่อยๆ ละกันครับ คือ "ผมถือว่าได้มีโอกาสมาเป็นคนพิการทุพพลภาพ" เพราะผมอาจจะคิดแตกต่างจากอีกหลายคนที่เดิมเคยเป็นคนปกติ แล้วต้องกลายมาเป็นคนพิการ อาจจะรู้สึกว่า ทำไมโลกนี้ช่างโหดร้ายกับตัวคนๆ นั้น ในมุมมองของผมนั้น การที่จะต้องมาเป็นคนพิการได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย คอที่หักของผมนั้น ต้องหักแบบพอดีๆ คือ พอดีให้ไม่ตาย พอดีให้ไม่หายเป็นปกติ และพอดีให้พิการถึงระดับทุพพลภาพ มันเป็นความ "พอดี" ที่ลงตัวมากๆ

จนส่วนตัวคิดว่า สุดยอด เพราะมันทำให้ผมได้เข้าใจความพิการ ของคนทุพพลภาพระดับรุนแรง แต่ไม่มากไปจนถึงระดับต้องขยับเฉพาะคอ+ออกเสียงได้ พูดได้ แต่ผมก็เข้าใจถึงระดับนั้น ความพอดีที่ว่านี้ ยังทำให้ผมสามารถพัฒนาตัวเองจนสามารถใช้ความรู้ความสามารถเดิมที่มีอยู่ได้ มันลงตัวมาก ถ้าวัยรุ่นก็เรียกว่า "ใช่เลย" ผมอยากให้คนพิการภายหลัง ลองคิดแตกต่าง และพัฒนาตัวเอง ยิ่งนำความรู้เก่ากลับมาใช้ อย่าคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่จะลำบากอย่างไร แต่ต้องคิดว่า ชีวิตที่เหลืออยู่นั้น รอดมาได้ มันเป็นกำไรชีวิตที่รอดมา เราต้องใช้กำไรนี้ทำประโยชน์ให้กับตัวเอง กับครอบครัว และสังคมให้มากที่สุด

เออ.....แบบว่า..... ถ้าจะดูเป็นการเป็นงาน ก็ไม่ว่ากันนะครับ ผมจบเลยดีกว่า ระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ อยากออกนอกบ้านเต็มแก่ครับ มีงานข้างนอกรออยู่มากมายครับ ให้กำลังใจทั้งคนพิการ และไม่พิการ กับการต่อสู้ที่ยังไม่หยุดนะครับ เราคงยังต้องเจออุปสรรคกันอีกมากมายนะครับ โดยเฉพาะกับธรรมชาติครับ ตอนหน้าพบกับบทความ ถุงยังชีพมีแบรนด์ ที่อาจจะเป็นถุงเดียว และถุงสุดท้ายที่ได้รับครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Follow me on Twitter
Visit me on Facebook